สมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่สมัยพระนเรศวรมหาราชเอาชัยเหนือพม่าได้นั้นคือการทำศึกยุทธหัตถี ซึ่งการทำยุทธหัตถีนั้นถือว่าเป็นการทำศึกที่ทรงเกียรติที่พระมหากษัตริย์ของแต่ละเมืองจะมาประชันฝีมือกันเพื่อให้ลูกหลานได้ประจักษ์ถึงความสามารถ และบารมีของพระมหากษัตริย์ที่ร่วมเข้าทำศึกเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ในปกครองของตน
การทำศึกในแบบยุทธหัตถีนั้นคือการทำศึกบนหลังช้าง ซึ่งการทำศึกในรูปแบบนี้พระมหากษัตริย์จะต้องมีความสามารถในการสู้รบบนหลังช้างเป็นอย่างดี ความกล้าที่จะเอาชัยเพื่อไม่ให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบบ้านเมืองของเราเอง ในการทำศึกนี้เครื่องศาสตราวุธทั้งหลายจึงมีความสำคัญมากๆ ในการทำศึกในรูปแบบนี้ วันนี้เราจึงจะมาพาคุณไปเรียนรู้ว่าในการทำศึกยุทธหัตถีนั้นใช้อาวุธอะไรในการเอาชัยชนะในอดีต
อาวุธสำคัญในการทำยุทธหัตถีนั้นอย่างแรกที่ขาดไม่ได้เลยคือ ง้าว เพราะง้าวนั้นสำคัญมากหากทำศึกบนหลังช้างหรือต่อสู้กันบนหลังม้า ง้าวเริ่มแรกเลยนั้นเป็นอาวุธที่นำเข้ามาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ที่ประเทศจีนนั้นจะใช้ง้าวเวลาที่แม่ทัพนั้นต่อสู้บนหลังม้า สามารถต่อสู้กับศัตรูที่อยู่ในระยะทางไกลที่มากกว่าดาบหรือกระบี่ได้
ลักษณะของง้าว
ง้าวส่วนใหญ่นั้นจะมีลักษณะด้ามที่ยาว ที่จับสั้นกว่า ความสูงหรือความยาวของง้าวนั้นจะเท่ากับประมาณตัวคน ส่วนใหญ่ง้าวที่ใช้ในการทำศึกทั่วไปนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับลิ้นมังกร ลักษณะปลายง้าวนั้นจะมีความโค้งคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว การต่อสู้โดยใช้ง้าวนั้นจะเน้นการแทงเข้าลำตัว หรือการใช้คมของง้าวฟันไปตามอวัยวะต่างๆ ด้วยลักษณะพิเศษของง้าวนั้นทำให้ง้าวสามารถเป็นทางอาวุธในการรุก และอาวุธในการตั้งรับได้ในเวลาเดียวกัน แต่จุดเสียที่สำคัญของง้าวนั่นก็คือ ง้าวจะเป็นอาวุธที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ซึ่งคนที่จะใช้ง้าวมาเป็นอาวุธนั้น คนๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่พลังเยอะรวมถึงมีความเชี่ยวชาญในการใช้ง้าวเป็นอย่างดี
นอกจากการทำศึกแบบยุทธหัตถีแล้ว บรรพบุรุษของเรายังทำศึกอีกหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางม้า ทางเรือ และกลยุทธ์ต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นเครื่องศาสตราวุธแต่ละชนิดไม่ใช่แค่ง้าวที่มีความสำคัญ แต่อาวุธทุกชนิดนั้นล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น ดาบ กระบี่ ปืนใหญ่ มีดสั้น ธนู และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปศึกษาได้ในหนังสือที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย คุณจะทราบว่าบรรพบุรุษของเรานั้นใช้อาวุธอะไรในการรบบ้าง