ตำรวจไทยถือว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่หนักหนาไม่แพ้อาชีพอื่น ไหนจะต้องจับโจรผู้ร้าย ไหนจะต้องอยู่ใกล้ชิดเพื่อดูแลประชาชนอีก ซึ่งการทำงานของตำรวจนั้นอาจจะต้องมีทั้งไม้นวมและไม้แข็ง ซึ่งไม้แข็งนั้นตำรวจต้องมีอาวุธคู่ใจไว้บ้าง แน่นอนว่าปืนสั้นพกติดตัวคืออาวุธหลักอย่างแน่นอน แต่ตำรวจก็มีอีกหนึ่งอาวุธคู่ใจด้วยนั่นคือ กระบองกัทส์ บาตอง
กระบองกัทส์ บาตอง คือ
กระบอกกัทส์ บาตอง เปรียบเสมือนกระบองคู่ใจอีกชิ้นหนึ่งของตำรวจเลยก็ว่าได้ รูปร่างจะเป็นคล้ายกับไม้เท้าแบบทอนฟาของอาวุธจีน โดยมีด้ามจับตรงกลางเพื่อแนบกับแขนเวลาใช้งาน โดยรูปร่างแปลกตานี่แหละมันกลับมีพิษสงจนเราขาดไม่ถึงเลยก็ว่าได้ ส่วนวัสดุที่ใช้ทำกระบองกัทส์ บาตอง จะทำมาจากโพลีคาร์บอเนต เน้นความแข็งแรงแต่เบาสามารถควบคุมได้ง่าย
ประวัติของกระบองกัทส์ บาตอง
ประวัติของอาวุธชิ้นนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลย เนื่องจากอาวุธชิ้นนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่นเลย พวกเค้าบอกว่าอาวุธชิ้นนี้พัฒนามาจากอาวุธของนินจา หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศอเมริกาได้แนวคิดกระบองนี้มาดัดแปลงเสียใหม่เพื่อนำมาใช้ด้านการรักษาความปลอดภัยภายใต้ชื่อว่า PR24 ต่อมาได้มีคนไทยไปดูงานด้านรักษาความปลอดภัยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไปเจอกระบองนี้เข้า เห็นว่ากระบองนี้เหมาะกับคนไทยดีเลยนำเข้ามาใช้แล้วตั้งใช้ใหม่ว่า กัทส์ บาตอง นั่นเอง
จุดเด่นของอาวุธกัทส์ บาตอง
อาวุธชิ้นนี้ของตำรวจไทย หรือ หน่วยความรักษาความปลอดภัยนั้น เป้าหมายไม่ได้อยู่ในการฆ่าฝ่ายตรงข้าม แต่อยู่ในการหยุดการเคลื่อนไหว ทำให้บาดเจ็บเล็กน้อย หรือในบางท่า กระบองกัทส์ บาตอง ยังทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ป้องกัน(แขน)ด้วยก็ได้อีกทางหนึ่ง จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของกระบองอันนี้ก็คือ มันไม่ได้เป็นอาวุธที่มีคม แต่ว่าประสิทธิภาพของมันนี้ร้ายมาก เนื่องจากใช้แรงเหวี่ยงจากการหมุนเพื่อเพิ่มความรุนแรงในการทำลาย
ความยากของอาวุธชิ้นนี้
แม้ว่าจะมีน้ำหนักเบา ไม่มีคม แต่ฟาดหนักก็จริง แต่ใช่ว่าอาวุธชิ้นนี้จะใช้กันได้ทุกคน เนื่องจากธรรมชาติของอาวุธชิ้นนี้เราคนไทยไม่คุ้นเคยเท่าไร ต่างจากกระบองแนวตรงที่คุ้นเคยมากกว่า นั่นทำให้ใครที่อยากจะใช้กระบองกัทส์ บาตองนั้นต้องผ่านการเรียนรู้ ผ่านการฝึกมาพอสมควรเลย ไม่งั้นเวลาเราหยิบออกมาใช้แทนที่จะแรงหมุน เหวี่ยงไปกระแทกฝ่ายตรงข้ามอาจจะกลายเป็นการหมุนเพื่อทำร้ายตัวเองซะอย่างนั้น ดังนั้นหากใครสนใจจะใช้อาวุธชนิดนี้ต้องไปศึกษาและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญซะก่อน จึงนำไปใช้ได้